บริการและแพ็กเกจส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร
ตรวจลึก ครบทุกส่วน รู้ผลแม่นยำ ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องมาตรฐานสากล

ส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร คือการตรวจและวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า กล้องส่องตรวจ (Endoscope) ซึ่งเป็นท่อเล็ก ๆ ยืดหยุ่น มีแสงสว่างและกล้องติดอยู่ที่ปลายท่อ โดยแพทย์จะสอดกล้องเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปาก หรือสอดกล้องผ่านทางทวารหนัก

แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหาร
แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น Upper Gastrointestinal Endoscopy หรือ Gastroscopy (EGD)
เริ่มต้น 14,000 บาท
แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนปลาย (Lower Gastrointestinal Endoscopy หรือ Colonoscopy)
เริ่มต้น 17,500 บาท
แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น (Gastroscopy) และส่วนปลาย (Colonoscopy) พร้อมกัน
เริ่มต้น 26,500 บาท
เงื่อนไข :
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ประโยชน์ของการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร
ประเภทของการส่องกล้อง
1. การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น (Upper Gastrointestinal Endoscopy หรือ Gastroscopy – EGD)

สอดกล้องผ่านทางปากลงไปยังหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ใช้เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการ เช่น

2. การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนปลาย (Lower Gastrointestinal Endoscopy หรือ Colonoscopy)

สอดกล้องผ่านทางทวารหนักเข้าไปดูภายในลำไส้ใหญ่ ใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น

3. การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้นและส่วนปลายร่วมกัน (EGD + Colonoscopy)

สามารถทำได้พร้อมกันภายใต้การให้ยานอนหลับอย่างปลอดภัย ช่วยให้ตรวจครบทุกส่วนของระบบทางเดินอาหารในการทำครั้งเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพทางเดินอาหารแบบละเอียดครบวงจร

เหมาะสำหรับผู้ที่
การเตรียมตัวก่อนส่องกล้อง
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
ส่องกล้องเจ็บไหม?

โดยทั่วไปไม่เจ็บ เนื่องจากสามารถให้ยานอนหลับหรือยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลายตลอดการตรวจ

ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนตรวจ?

งดอาหาร 6–8 ชั่วโมงก่อนทำ และในกรณีส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ต้องล้างลำไส้ตามคำแนะนำของแพทย์

ใช้เวลานานไหม?

โดยทั่วไปการตรวจใช้เวลาเพียง 15–30 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี

หลังส่องกล้องทำอะไรได้บ้าง?

สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียว แต่ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานหนักภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับยานอนหลับ

หากท่านสนใจหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาการรักษาด้วยวิธีนี้ ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล